Home » SEO vs Google Ads: เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียสำหรับธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสายงานการตลาด นักธุรกิจ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป อาจเคยได้ยินหรือทำความเข้าใจเรื่องการตลาดออนไลน์กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งในหลาย ๆ ขั้นตอนการทำการตลาดก็มีทั้งแบบที่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องยอมรับว่าระหว่างการทำ SEO และ Google Ads มักจะโดนเปรียบเทียบกันอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากการโฆษณาทั้งสองรูปแบบถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดในฝั่งของกูเกิล (Google) MAZ Digital Business Solutions อธิบายความแตกต่างในข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม สรุปแล้วควรเลือกทำโฆษณารูปแบบไหนให้สอดคล้องกับธุรกิจและเกิดคุ้มค่ามากที่สุด
ทำความรู้จัก SEO และ Google Ads คืออะไร
SEO คือการสร้างโฆษณาการตลาดแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่
การทำ Search Engine Optimization คือ การปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเขียนและคีย์เวิร์ดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สื่อสารออกไปได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งนอกจากสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ตอบโจทย์และตรงตามจุดประสงค์ของการค้นหา ยังช่วยดันให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บนหน้า Google เพียงเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจ โดยแทรกการกล่าวถึงหรือ Tie-in เข้าไปในบทความก็จะช่วยดันเว็บไซต์ให้กลุ่มลูกค้าค้นหาและเกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้น
การทำ SEO ใช้ระยะเวลานาน อย่างต่ำประมาณ 3-6 เดือน แต่เมื่อไรก็ตามที่สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google ก็จะติดตลอดในระยะยาว ไม่หายไปเหมือนการรันโฆษณา Google Ads ซึ่งคุณภาพของวิธีการนี้จะขึ้นอยู่กับความขยันในการอัปเดตเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน
ข้อดีของการทำ SEO
จำนวนยอดใช้งานจากผู้คนที่คลิกเข้ามายังเว็บไซต์จะถือเป็นการคลิกแบบธรรมชาติ (Organic Search) คือ กลุ่มคนที่ตั้งใจคลิกเข้ามาเพื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งเพิ่มค่าสายตาให้ผู้คนเหล่านั้นรู้จักธุรกิจมากขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เมื่อไรก็ตามที่สามารถทำให้หน้าเว็บไซต์หรือคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ติดบนหน้าแรกของ Google ได้ ก็จะติดตลอดเป็นระยะเวลานานหากหมั่นดูแลอัปเดตข้อมูลเว็บไซต์ด้วยอีกทาง
- อัตราการคลิกเข้าชมสูง
- เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ให้เป็นที่รู้จัก
- สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
- เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาวโดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณา
ข้อเสียของการทำ SEO
ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างต่ำประมาณ 3 – 6 เดือน การใช้เทคนิค SEO กับสินค้าหรือบริการที่มีความสอดคล้องกับกระแสอาจกระทบให้ตามเทรนด์ไม่ทัน นอกเสียจากเดิมทีขายสินค้าหรือบริการประเภทนั้นอยู่แล้วแต่ได้เปรียบจากการเป็นกระแสในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ที่สำคัญประสิทธิภาพจะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ รวมถึงการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์
- เห็นผลลัพธ์ช้า
- ควบคุมยากหรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน (ไม่ติดอันดับ)
- ต้องใช้ความพยายามและอัปเดตเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
- ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมของ Google
Google Ads การสร้างโฆษณาการตลาดแบบเสียค่าใช้จ่าย
คือทำโฆษณากับกูเกิล ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มี Search Engine อันดับ 1 ของโลก เป็นการสร้างโฆษณาโปรโมตเว็บไซต์บนหน้า Google ที่เห็นผลไว และช่วยให้อันดับของเว็บไซต์ขึ้นมาอยู่ลำดับต้น ๆ ได้ทันที แต่วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดการคลิกโฆษณา PPC (Pay Per Click) หรือหากไม่มีการคลิกก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายนั่นเอง โดยราคาต่อการคลิกจะขึ้นอยู่กับจำนวนการแข่งขันของ Keyword ณ เวลานั้น ๆ ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่หยุดรันโฆษณา เว็บไซต์ของคุณก็จะหายไปจากหน้าแรกทันที
ข้อดีของการทำ Google Ads
จากการใช้งาน Search Engine อันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายคนเลือกโปรโมตเว็บไซต์ด้วยการทำโฆษณาผ่าน Google เพื่อให้เว็บไซต์สามารถขึ้นอันดับได้อย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์ทันกระแส ในขณะเดียวกันหากเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้แม่นยำหรือตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อจำนวนการคลิกเข้ามาชมสินค้า อธิบายอย่างง่ายคือค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะไม่เปล่าประโยชน์หากการทำ Google Ads มีประสิทธิภาพ สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้องชัดเจน วิธีนี้จึงเป็นช่องทางการตลาดอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจได้ดีและรวดเร็ว
- เห็นผลลัพธ์ทันที
- กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้
- ควบคุมการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ยืดหยุ่นงบประมาณและวัดผล ROI (Return on Investment) จากงบทั้งหมด ได้ผลลัพธ์กลับมาเท่าไร
ข้อเสียของการทำ Google Ads
ข้อจำกัดในระยะยาว คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณามีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น แต่จากค่าใช้จ่ายมากมายทั้งหมดที่ใช้ไปนั้น จะไม่สามารถการันตียอดขายได้ เช่น ตั้งงบประมาณ 400 บาท/วัน มีจำนวนผู้คลิก 10 คน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดจบการโฆษณา เว็บไซต์จะหายไปจากหน้าแรกของกูเกิล
- ใช้เวลาในการเรียนรู้
- ราคาสูงถ้าใช้ในระยะยาว
- อาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว
- ต้องคอยตรวจสอบประสิทธิภาพอยู่เสมอ
- ไม่มีผลต่อการติดอันดับ SEO
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเปรียบเทียบเบื้องต้นระหว่างการโฆษณาด้วยเทคนิค SEO และ Google Ads เท่านั้น ทุกธุรกิจสามารถสร้างโฆษณาเพื่อสื่อสารหรือสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ทั้ง 2 รูปแบบ สามารถปรับแผนบริหารงบประมาณสำหรับ Google Ads ในแผนระยะสั้น และปรับใช้ SEO กับแผนระยะยาวแทน
แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังลังเลและเกิดความไม่มั่นใจว่าเว็บไซต์ควรเริ่มอะไรก่อนดี หากต้องการลองโปรโมตผ่านการทำโฆษณา MAZ Digital Business Solutions เรามีทีมเชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างตรงประเด็นและตอบโจทย์แผนการธุรกิจของคุณได้
คำถามที่พบบ่อย
SEO เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับแบบออร์แกนิก ไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยตรง ส่วน Google Ads เป็นโฆษณาแบบจ่ายเงินเมื่อมีคนคลิก
Google Ads ให้ผลเร็วกว่า เห็นผลทันที ส่วน SEO ใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป
SEO เหมาะกับการสร้างแบรนด์ระยะยาว Google Ads เหมาะกับต้องการผลลัพธ์เร็วหรือสินค้าตามกระแส
ไม่เสียค่าแสดงผลบน Google แต่อาจมีค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือสร้างคอนเทนต์
SEO ยั่งยืนกว่า ติดอันดับได้นานหากอัปเดตสม่ำเสมอ Google Ads หยุดแสดงผลเมื่อหยุดจ่ายเงิน